มิดฟิลด์ไดนาโม “พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล”

มิดฟิลด์ไดนาโม “พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล”


อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของเกมรับที่เป็นด่านแรกๆก่อนที่บอลจะทะลุไปถึงกองหลัง กองกลางตัวรับจะต้องรับหน้าที่ปัดกวาดบอลเป็นด่านหน้าให้ผู้เล่นเซนเตอร์ฮาฟ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือว่าต้องทำหน้าที่ทั้งเกมรับและขึ้นเกม ถือเป็นตำแหน่งที่ต้องครบเครื่องเลยทีเดียว ถ้าจะนึกภาพให้ออกคือ ผู้เล่นแบบ เอ็นโกโล่ กอง เต้ ของเชลซี ฟาบินโญ่ ของลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับฟุตบอลไทยถ้าจะให้เอ่ยถึงสไตล์การเล่นที่คล้ายคลึงกับ 2 คนดังกล่าวในตอนนี้หลายคนคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาคนนั้นคือ เต้ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กลางรับที่มีฟอร์มการเล่นโดดเด่นทีสุดในตอนนี้

ก่อนจะมาเป็นห้องเครื่องไดนาโมให้กับทีมชาติไทย เส้นทางลูกหนังของเขาเริ่มต้นที่จังหวัดระยองเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ในครอบครัวที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย พิธิวัตต์เริ่มเตะฟุตบอลแบบจริงๆจังๆในตอน ป.4 หลังจากที่เข้าไปคัดตัวในกิจกรรมที่อาร์เซน่อลมาเปิดคัดตัวเพื่อหาเด็กไปเปิดประสบการณ์ที่ประเทศอังกฤษ นั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเป็นนักฟุตบอลเหมือนกับเหล่านักเตะระดับโลกที่เขาเคยไปเจอมาทำให้เขาเริ่มจริงจังกับฟุตบอลมากยิ่งขึ้น และได้ไปคัดตัวจนติดในอคาเดมี่ชื่อดังในยุคนั้นอย่าง เจเอ็มจี อคาเดมี่ ในตอนป.6

เมื่อต้องมาอยู่กับฟุตบอลที่มีระบบระเบียบมากขึ้น เจ้าเต้ต้องใช้ชีวิตกินนอนร่วมกับเพื่อนๆที่นั่นโดยมีการซ้อมที่เข้มข้น ทำให้เขาได้รู้จัก สุริยา สิงห์มุ้ย , พิชา อุทรา , สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ที่ปัจจุบันก็เป็นนักฟุตบอลแถวหน้าของเมืองไทยด้วยเช่นกัน พิธิวัตต์เขาได้รับการฝึกจากโค้ชชาวต่างชาติ และได้พาไปอุ่นเครื่องในต่างประเทศบ้าง กับเวียดนาม หรือ เบลเยียม ซึ่งในตอนนั้นเจเอ็มจีของเวียดนาม ก็มี นักเตะอย่าง เหงียน คองเฟือง และ เลือง ซวน ตรวง ในทีมอยู่ด้วย โดยที่เจเอ็มจีอคาเดมี่ นักเตะทุกคนที่นั่นต้องซ้อมฟุตบอลด้วยเท้าเปล่ามาตลอดนั้นจึงทำให้พิธิวัตต์มีทักษะการแย่งบอลการเอาตัวรอดการเข้าปะทะที่แข็งแกร่งติดตัวเขามาตั้งแต่ตอนนั้น

หลังจากที่จบม.6 เขาได้มีโอกาสย้ายมาเป็นนักเตะเยาวชนของเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่นั่นได้ให้โอกาสเหล่าแข้งเยาวชน บินไปร่วมฝึกซ้อมกับทีม แอต.มาดหริด ยอดทีมแห่งแดนกระทิงดุ ทำให้เขาได้กระทบไหล่นักเตะชื่อดังระดับโลกหลายคน และยังได้ประสบการณ์อันล้ำค่าจากการไปที่สเปน หลังจากกลับมาเขาก็มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรก กับ นนทบุรี เอฟซี ในดิวิชั่น 2 ของเลกสอง ปี 2013 ก่อนจะย้ายไปที่ นครนายก เอฟซี ปี 2014 โดยทั้ง 2 สโมสรในตอนนั้นเป็นพันธมิตรกับเมืองทอง ยูไนเต็ดอยู่

จากนั้นปี 2015 เขาได้มีโอกาสขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของเมืองทองแต่ในตอนนั้นในทีมมีสตาร์ดังมากมายๆที่ยากจะเบียดลงสนามทำให้เขายังไม่ได้รับโอกาสประเดิมสนามกับต้นสังกัด แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นซ้อมและรอโอกาสต่อไป จนในปี 2016 เขาถูกปล่อยตัวไปให้ บีอีซีเทโรศาสน ซึ้่งที่นั้นได้ให้โอกาสเขาลงสนามอย่างต่อเนื่อง ถึง 25 เกม จนทำให้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ยอดทีมจากล้านนา ทำการกระชากตัวเขามาร่วมทีม และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนรู้จักเขามากขึ้น โดยตั้งแต่เขาได้ย้ายมาร่วมทีมในปี 2017 เขาเป็นกำลังหลักพาเชียงราย ยูไนเต็ด กวาดแชมป์เมเจอร์ในประเทศได้ทุกรายการ จนมาถึงปัจจุบัน

ผลงานกับทีมชาติไทยเขาก็เป็น 1 ในขุนพลนักเตะชุด ยู 23 ที่คว้าเหรียญทองจากมหกรมมกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศมาเลเซียมาครองได้ ต่อยอดมาถึงปี 2019 กับทีมชาติไทยชุดใหญ่ในยุคของ อากิระ นิชิโนะ เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 โซนนเอเชีย ที่ไทยเปิดบ้านเสมอกับ เวียดนาม 0-0 พิธิวัตต์ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งการเข้าบอลที่ดุดันการคุมจังหวะในเกมการเคลียร์บอลในหลายๆจังหวะก่อนจะถึงเกมรับ ทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติไทยมาตลอดตั้งแต่นั้นมา

และล่าสุดกับการคว้าแชมป์อาเซียนสมัยที่ 6 ที่ประเทศสิงคโปร์ เขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้ง เขาเป็นตัวเลือกแรกๆเสมอในแดนกลาง ด้วยพละกำลังของเขาที่ช่วยทีมได้ทั้งเกมรุกและเกมรับทำให้เวลาปรับแทคติกระหว่างเกมจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งๆหลายคนก็มองเขาคล้ายๆกับ เอ็นโกโล่กองเต้ ที่วิ่งไปทั่วสนามและอยู่ในทุกจังหวะสำคัญของเกมรับ ถือเป็นผู้ปิดทองหลังพระอีกคนนึงของทีมชาติไทย และคาดว่าเขาจะเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยได้อีกหลายปีเพราะนี่คือสไตล์การเล่นที่หาไม่ได้ง่ายๆสำหรับมิดฟิลด์ไดนาโมที่มีครบเครื่องทุกอย่างในตำแหน่งนี้

ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชายที่เอาชนะฝันร้าย โรแบร์โต้ บาจโจ้

จากโลกการ์ตูนสู่โลกความจริง ฮิเดโตชิ นากาตะ