ชายที่เอาชนะฝันร้าย โรแบร์โต้ บาจโจ้


ชายที่เอาชนะฝันร้าย โรแบร์โต้ บาจโจ้


“มันคือวินาทีที่แย่ที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลของผม ถ้ามีพรวิเศษทำให้ผมลบความทรงจำได้ 1 เรื่อง นี่จะกลายเป็นเรื่องที่ผมลบทิ้งแน่นอน” คำพูดของชายผู้ที่เปรียบเสมือนไอคอนแห่งฟุตบอลยุค 90s ชายหนุ่มผู้มีเอกลักษณ์ที่หน้าตาและทรงผมสุดเท่ ถ้าหากถามเด็กหนุ่มทั่วไปที่เกิดทันในสมัยฟุตบอลอิตาลีอยู่ในจุดที่รุ่งเรื่องที่สุดว่าอยากจะเก่งเหมือนกับใคร “อยากเก่งเหมือนกับ บาจโจ้” คงจะเป็นคำตอบที่ผู้ถามได้ยินมันจนเบื่อแน่นอน


โรแบร์โต้ บาจโจ้ เริ่มต้นอาชีพค้าครั้งแรกให้กับสโมสร วิเซนซ่า ในบ้านเกิดด้วยอายุเพียง 16 ปี และการทำผลงานที่โดดเด่นมาก ๆ ให้กับทีมที่เล่นอยู่ใน เซเรีย ซี คงจะเป็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมสำหรับเขานัก หลังจากโชว์ความสามารถทางด้านลูกหนังให้กับทีมในบ้านเกิดมาถึง 2 ปี สุดท้ายก็ได้รับโอกาสเดบิวต์กับลีกสูงสุดครั้งแรกด้วยวัย 18 ปีกับสโมสร ฟิออเรนติน่า ที่เมืองฟลอเรนซ์ บาจโจ้ โชว์ฟอร์มได้เด็ดขาดและยอดเยี่ยม ความเก่งกาจของเขาทำให้สาวกม่วงมหากาฬต่างก็ยกย่องให้เขาแทบจะเป็นพระเจ้าของทีม


แต่ในปี 1990 ความสามารถและความเก่งกาจของ บาจโจ้ นั้นไปเข้าตาทีมใหญ่ที่พร้อมจะทุ่มเงินมากมายอย่าง ยูเวนตุส สุดท้ายชาวเมืองฟลอเรนซ์ก็ต้องสูญเสียพระเจ้าของเขาไปให้กับทีมที่ใหญ่กว่าถึงขั้นกับต้องพากันออกมาประท้วงกันวุ่นวาย ที่ ยูเวนตุส นั้น โรแบร์โต้ บาจโจ้ ใช้เวลาอยู่ 3 ปีก่อนจะพาพลพรรคม้าลายคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ในปี 1993 บวกกับรางวัลส่วนตัวของตัวเองอีกมากโขหนึ่งในนั้นมีรางวัลที่ดีที่สุดของนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง “บัลลงดอร์” รวมอยู่ด้วย นี่เป็นเพียงแค่ความเยี่ยมยอดส่วนหนึ่งของนักเตะที่เป็นไอคอนแห่งยุค


ยูเวนตุส, เอซี มิลาน, และ เบรสชา ไม่ว่าจะทีมไหน ๆ บาจโจ้ ก็กวาดรางวัลพร้อมกับโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมให้ติดตราตรึงใจของเหล่าสาวกมาอยู่ตลอด แทบจะไม่มีที่ติอะไรสำหรับนักเตะคนนี้ในนามของการค้าแข้งให้กับสโมสรต่าง ๆ แต่ในนามทีมชาติ ชายผู้ที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อมทั้งรูปลักษ์ ฝีมือ และถ้วยรางวัล กับต้องพบเจอกับฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนได้เป็นระยะเวลาถึงหลายปีเลยทีเดียว


จุดเริ่มต้นของฝันร้ายนี้เกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลกปี 1994 ในตอนที่ โรแบร์โต บาจโจ้ อยู่ในจุดที่สูงสุดที่นักฟุตบอลอาชีพจะฝันใฝ่ได้ ในตอนนั้นเขาเป็นทุก ๆ อย่างของทีมชาติอิตาลีในยุคของ อาร์ริโก้ ซ๊าคคี่ 

บาจโจ้ โชว์ฟอร์มเทวดาพาทีมชาติอิตาลีผ่านเข้ารอบสองของทัวนาเม้นต์หลังจากช่วงที่ทีมมีช่วงเวลาไม่ดีในรอบแรก ซึ่งฟอร์มที่ดีขนาดนั้นใคร ๆ ก็ต่างคาดหวังว่าตัว บาจโจ้ เองนั้นคงจะตามรอยนักเตะอย่าง เปาโล รอสซี่ พาทัพอัซซูรี่คว้าแชมป์สมัยที่ 4 มาครองได้ไม่ยาก


การยิงตีเสมอไนจีเรียก่อนหมดเวลา 1 นาทีและตามมาซัดประตูชัยใส่อีกครั้งในช่วงต่อเวลาในรอบ 16 ทีม และผลงานการยิงกระทิงดุก่อนหมดเวลา 2 นาทีในรอบ 8 ทีมสุดท้ายพร้อมกับซัด 2 ประตูใส่บัลแกเรียในรอบตัดเชือก คน ๆ นี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดทุกอย่างเขาแทบจะเป็นความสุขของชาวอัซซูรี่โดยแท้จริง


แต่ไม่มีอะไรเป็นดังฝันได้หมดทุกอย่าง พระเจ้าไม่ได้สร้างใครมาให้เพอร์เฟ็คขนาดนั้น ในรอบชิงชนะเลิศกับทัพบราซิล ทีมที่มีดีกรีและศักดิ์ศรีแชมป์ 3 สมัยเท่า ๆ กัน ไม่ต้องคิดก็เห็นภาพได้ว่านัดนั้นมีความกดดันมากมายเพียงไหน การที่ต่างฝ่ายต่างต้องการชัยชนะและเล่นอย่างรัดกุม จบ 90 นาทีทั้งคู่มีสกอร์เท่ากันที่ 0 - 0 และต้องตัดสินกันที่การดวลจุดโทษซึ่งบีบหัวใจเข้าไปอีก


นักเตะของแต่ละทีมผลัดกันลงมาสังหารจุดโทษทีละคน ทีละคน โชคร้ายที่ฟรังโก้ บาเรซี่ ของอิตาลีพลาดไปในลูกแรกและ คาร์ลอส ดุงก้า ของทัพแซมบ้าก็สังหารได้อย่างเฉียบคม บราซิลขึ้นนำ 3 - 2 และคนสุดท้ายของอิตาลีจจะต้องยิงเข้าเท่านั้น 


และก็อย่างที่หลาย ๆ คนคิด คงจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่พระเอกผมเปียสุดเท่ ผู้เป็นคนช่วยให้ทีมอิตาลีผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ โรแบร์โต้ บาจโจ้ คือชายที่ใคร ๆ ก็ต่างคาดหวัง ชายผู้ที่กุมชะตาของทีมเอาไว้ ความกดดันถาโถมสิ่งรุมเร้าต่าง ๆ เป็นตัวแปรสำคัญ แทนที่ บาจโจ้ จะทำให้ลูกบอลลูกนั้นเข้าไปสู่ก้นตาข่ายอย่างที่เขาเคยทำ ครั้งนี้ลูกฟุตบอลที่เขาคุ้นเคยกับลอยโด่งขามคานไปแบบไม่มีอะไรลุ้น 


นักเตะบราซิลโห่ร้องด้วยความดีใจ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ยืนคอตกอยู่หน้ากรอบเขตโทษ เป็นภาพที่ต่างความรู้สึกและต่างอารมณ์ แน่นอนว่าการพ่ายแพ้ครั้งนี้ของอิตาลีต้องมีคนรับผิดชอบ และก็ไม่มีใครที่เหมาะสมได้เท่ากับ บาจโจ้ อีกแล้ว จากชายผู้ที่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาตลอดทัวนาร์เม้นท์ เพียงแค่เสี้ยวเวลาเขากลับกลายเป็นตัวร้ายจากสายตาชาวอิตาลีทั้งประเทศ ราวกับว่าสิ่งที่เขาทำดีก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง เหตุการณ์นี้ทำให้ตัวของ บาจโจ้ เองนอนฝันร้าย และปฎิเสธการยิงลูกโทษมาตลอดเวลาถึง 4 ปี


แต่เมื่อพระเจ้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ถึงท่านจะฉกฉวยแต่ก็มอบโอกาสให้แก้ตัว ในฟุตบอลโลกปี 1998 บาจโจ้ ในวันที่ไร้ผมเปียต้องรับหน้าที่ยิงจุดโทษอีกครั้งในนาทีสุดท้าย ครั้งนี้เพื่อตีเสมอและเป็นการต่อชีวิตให้กับพลพรรคอัซซูรี่ วาระต่างกันแต่ความกดดันเท่าเดิมและยิ่งการที่ต้องอยู่กับฝันร้ายมาตลอด 4 ปีแล้วก็ยิ่งจะดูเลวร้ายสำหรับเขาเข้าไปอีก วินาทีบีบหัวใจ เขาค่อย ๆ สาวเท้าถอยหลัง ครั้งนี้เขาคิดแค่ว่าต้องยิงให้แรงที่สุดทิศทางค่อยว่ากัน หลังจากเท้าขวาบรรจงสัมผัสลูกบอลและหลังจากวินาทีที่ลูกฟุตบอลพุ่งผ่านมือเข้าไปตุงตาข่าย ทุกคนในทีมโห่ร้องดีใจ โรแบร์โต้ บาจโจ้ หลุดจากฝันร้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องทนแบกรับได้ปลดปล่อยทันที


ถ้าหากจะเปรียบเหตุการณ์นี้เป็นหนังรักสักหนึ่งเรื่อง ฉากนี้ก็คงจะเป็นฉากที่สุดแสนจะโรแมนติกที่สุดในชีวิตของสุภาพบุรุษผู้นี้ หากเทียบกับการประสบความสำเร็จมากมายต่าง ๆ ในชีวิต คงจะไม่มีอะไรน่าอภิรมย์เท่ากับการที่ฝันร้ายของเขาทุกลบเลือนได้ในวันนี้แน่นอน.


ดูข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ : เพจ Goalstorm


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

มิดฟิลด์ไดนาโม “พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล”

จากโลกการ์ตูนสู่โลกความจริง ฮิเดโตชิ นากาตะ